กัญชา (Cannabis sativa)
กัญชา เป็นพืชล้มลุก ส่วนที่ใช้เสพ ได้แก่ กิ่ง ต้น ยอด ใบ โดยการสูบหรือผสมลงในอาหารรับประทาน ถูกนำมาใช้รักษาอาการและโรคเช่น ยาแก้ปวด แก้ไอ แก้คลื่นไส้อาเจียน ขยายหลอดลม และช่วยให้หลับ ด้วยคุณสมบัติของกัญชาที่ทำให้ผู้เสพมีอารมณ์สนุกครึกครื้น กัญชาจึงถูกนำมาใช้อย่างผิดกฎหมาย และอาจนำไปสู่การเสพยาเสพติดอื่น ที่รุนแรงกว่า
ลักษณะทางคลินิกที่เกิดจากฤทธิ์ของกัญชา
อาการมักจะเกิดทันทีหลังสูบกัญชา ฤทธิ์จะสูงสุดภายในครึ่งชั่วโมง และมักเป็นอยู่นาน ประมาณ ๓ ชั่วโมง อาการดังนี้
· ช่างฝัน มีความสุข อารมณ์ครึกครื้น ช่างพูด และหัวเราะ รู้สึกเหมือนตัวจะลอย และมีความตื่นเต้นทางเพศ มีความผิดปกติในสายตา และหูจะไวขึ้น · เจริญอาหาร และกระหายน้ำบ่อย ปากและคอแห้ง · ตาแดง หัวใจเต้นเร็ว วิตกกังวล ง่วงเหงาหาวนอน · ระแวง ขาดการควบคุมตนเองและถูกชักจูงง่าย การตัดสินใจผิด คิดว่าตนเองกำลังจะตาย หรือกำลังจะเป็นบ้า · รู้สึกว่าตนเองและสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนแปลงไป ความจำในทันทีเสื่อม และเสียการรับรู้เวลา สถานที่และบุคคล
ลักษณะทางคลินิกของการขาดกัญชา
ในรายที่ใช้กัญชาขนาดพอควร บ่อยๆ ติดต่อกัน จะเกิดการทนยาได้ และเมื่อหยุดเสพทันทีจะมีอาการขาดยา ได้แก่ รู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาว เหงื่อแตก น้ำมูกไหล ท้องเสีย สะอึก เบื่ออาหาร
การรักษา
อาการจากพิษของกัญชาจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อหยุดเสพ ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นใช้ยา อาการถอนยาไม่รุนแรง จะหายไปได้เอง
ปัญหาที่เกิดจากการติดกัญชา ๑. กระตุ้นให้เกิดอาการวิตกกังวลอย่างรุนแรง (panic) บางรายมีความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นบ้า อาการอยู่ราว ๒-๖ ชั่วโมง นาน ๑-๒ วัน วิธีแก้คือให้ความมั่นใจแก่ผู้ป่วย ไม่จำเป็นต้องให้ยาหรือรับไว้ในโรงพยาบาล
๒. หากเสพกัญชามานาน มีอาการอ่อนเพลีย เฉยชา ขาดความทะเยอทะยาน และขาดความสนใจในสิ่งแวดล้อม สมองและความจำเสื่อม ความคิดอ่านช้าและสับสน อาจทำให้เกิดการทำลายของสมองอย่างถาวร
๓. ในรายที่ใช้กัญชาชนิดที่มีฤทธิ์แรง เช่น hashish จะเกิดความผิดปกติในระบบหายใจ อักเสบของช่องปาก ท้องเสียและพิษต่อตับ
๔. แม้เสพปริมาณไม่มาก สามารถเสพติดทางจิตใจหรือเกิดอาการดื้อยา คือ ต้องใช้ปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากกัญชาควบคุมศูนย์กลางความคิด อารมณ์ และพฤติกรรมของผู้เสพ จนยากที่จะหยุดเสพได้